fbpx
Card image cap

เลือกตั้งกลางสมัยสหรัฐกำลังจะมา ทิศทางการเมืองโลกจะเปลี่ยนหรือไม่?

เลือกตั้งกลางสมัยสหรัฐกำลังจะมา ทิศทางการเมืองโลกจะเปลี่ยนหรือไม่?

================================
.
พรุ่งนี้จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐ การเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐก็คือ การเลือกตั้งเพื่อชิงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก และผู้ว่าการรัฐเมื่อประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งมาได้ครึ่งวาระ ซึ่งโดยปกติในอดีตหากพักไหนชนะในการเลือกตั้งกลางเทอม มักจะชนะการเลือกตั้งใหญ่ในอีก 2 ปีข้างหน้าเช่นกัน ปัจจุบันคาดกันว่าพรรคของไบเดน (พรรคเดโมแครต) น่าจะแพ้ในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ เพราะ คะแนนความนิยมตกเยอะ จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีนัก ปัญหาเงินเฟ้อ และอื่น ๆ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับทิศทางการลงทุนบ้าง เดี๋ยวบทความนี้มีคำตอบครับ
.
หากเปรียบเทียบในอดีตสมัยของทรัมป์ปกครอง นโยบายที่เศรษฐกิจไม่ชอบจะเป็นพวกสงครามการค้า สมัยนั้นทำกำแพงภาษีมายมาก กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก แต่ในยุคของไบเดนตอนนี้ได้ร่างนโยบายออกมาแล้ว แต่เป็นสงครามเทคโนโลยีแทน คือไบเดนเน้นโจมตีที่อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ทำไมต้องเซมิคอนดักเตอร์หรอ
.
ปัจจุบันตัวชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดตลาดอย่างมาก เพราะ โลกเรากำลังเคลื่อนไปในดิจิทัลหรือใช้เทคโนโลยีมากขึ้น อะไรที่เป็นอุปกรณ์ที่มีการประมวลผล เช่น โทรศัพท์ โทรทัศน์รุ่นใหม่ ๆ คอมพิวเตอร์ หรือเทรนอนาคตอย่างรถ EV พวกนี้ต้องมีการประมวลผล ก็จะต้องใช้ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในการผลิตทั้งนั้น

จากรูปแสดงจำนวนผลงานการวิจัยพัฒนา AI หรือปัญญาประดิษฐ์ระหว่างจีนและสหรัฐ
.
จะเห็นว่าจีนเป็นภัยคุกคามทางเทคโนโลยีของสหรัฐชัดเจน ยังมีเรื่องรถ EV ที่ตอนนี้ BYD ของจีนคือแบรนด์รถ EV ยอดขายอันดับ 1 ของโลก อันดับ 2 คือเทสล่า การที่ไบเดนเดินเกมออกนโยบายแบบนี้คือการตัดขาจีนจัง ๆ เพราะไม่ว่าจะ AI หรือ EV ล้วนต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์ทั้งสิ้น ดังนั้นไบเดนจึงเล่นหนักด้วยนโยบาย ห้ามบริษัทจีนใช้เครื่องจักรของสหรัฐ, ห้ามบริษัทจีนใช้ซอฟต์แวร์ของสหรัฐ และห้ามคนสหรัฐทำงานกับบริษัทจีน พวกนี้จะถูกใช้กับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผมมองว่ารุนแรงกว่ากำแพงภาษีของทรัมป์นะ กำแพงภาษียังซื้อขายได้ แค่ต้องจ่ายแพงขึ้น อันนี้คือตัดห่วงโซ่การผลิตเซมิคอนดักเตอร์เลย หรือก็คือขัดขานโยบายที่จีนพยายามพัฒนาอย่างจัง ๆ แน่นอนว่านโยบายของสหรัฐถ้าถูกใช้จริง มันก็จะต้องมีการกดดันในประเทศพันธมิตรอย่างยุโรปให้ร่วมกับทำตามเป็นแน่ บ้างที่เราอาจเรียกได้ว่าสงครามเย็นกลาย ๆ แล้วด้วยซ้ำ หากเป็นแบบนี้ต่อไป ตลาดหุ้นน่าจะเหนื่อย ขึ้นยาก แต่จะผลักดันทองคำให้ขึ้นเรื่อย ๆ
.
หากดูจากในอดีตเมื่อไหร่ก็ตามที่พรรคเดโมแครตบริหาร ความรุนแรงทางการเมืองระหว่างประเทศมักจะสูง ในขณะที่หากเป็นพรรคริพับลิกันจากสถิติแล้วความขัดแย้งระหว่างประเทศจะเบากว่า ดังนั้นหากมองในมุมสถิติแล้วหลังจากเลือกตั้งถ้าเป็นไปตามโพลจริงคือพรรคริพับลิกันชนะในรอบนี้ ก็อาจจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นสำหรับการเมืองระหว่างประเทศ ตลาดหุ้นจะชอบมากกว่า และแน่นอนทองคำไม่ชอบผลการเลือกตั้งอันนี้แน่นอน นี่อาจเป็นอีกปัจจัยระยะสั้นที่จะกดดันทองคำเลยก็ว่าได้



ราคาทอง
4 พฤษภาคม 2567 | 11:35:38

ประเภท รับซื้อ ขายออก
LBMA
99.99% (Baht)
41,410

-5.00

41,480

-5.00

InterGold
96.5% (Baht)
39,950

-5.00

40,030

-5.00

สมาคมฯ
96.5% (Baht)
39,950

0.00

40,050

0.00

Gold Spot
(USD)
2,301.49

0.00

2,301.88

0.00

ค่าเงินบาท
(USDTHB)
-
36.77

0.00

ราคาทองคำย้อนหลัง
ความเคลื่อนไหวกองทุนทองคำ
4 พฤษภาคม 2567 | 11:33:02

SPDR (ton) (USD) HUI (USD)
0.00

0.00

238.60

-0.43