กลยุทธ์: เสี่ยงเข้าซื้อไปก่อน
แนวต้าน: $4500, 66000 บาท
แนวรับ: $4450, 65600 บาท
1. ซานต้ามาตามนัด! หุ้นสหรัฐฯ ทำนิวไฮพ่วง Bond Yield ร่วง ปูทางทองขาขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกทำสถิติสูงสุดใหม่ (All-Time High) ในช่วงก่อนคริสต์มาสขานรับปรากฏการณ์ “Santa Rally” ขณะที่ดัชนีความกลัว (VIX) ลดลงสู่ระดับต่ำสุดของปี อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อทองคำโดยตรงคือ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) 10 ปี ที่ปรับลดลงเหลือ 4.13% และการที่นักวิเคราะห์คาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปี 2026 ยังคงเป็นแรงหนุนสำคัญที่ทำให้ทองคำยังคงความน่าสนใจในสายตานักลงทุน
2. มังกรประคองตัว! PBOC คงนโยบายผ่อนคลาย สู้ศึกอุปสงค์ภายในซบเซา
ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันเดินหน้านโยบายการเงินแบบผ่อนคลายและรักษาต้นทุนการกู้ยืมให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อพยุงเสถียรภาพเศรษฐกิจ หลังเผชิญสภาวะยอดค้าปลีกเติบโตต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงโควิด การที่จีนซึ่งเป็นผู้บริโภคทองคำรายใหญ่ของโลกยังคงใช้นโยบายแบบ “ข้ามวัฏจักร” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ถือเป็นปัจจัยที่ต้องจับตาว่าดีมานด์ทองคำจากภาคการบริโภคในจีนจะกลับมาฟื้นตัวได้แข็งแกร่งเพียงใดในระยะยาว
3. พายุภาษีสงบลง! สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น จับมือลงทุน $5.5 แสนล้าน ลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเริ่มคลี่คลาย หลังสหรัฐฯ และญี่ปุ่นเห็นพ้องเดินหน้าแผนลงทุนร่วม Strategic Investment Initiative มูลค่า 5.5 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อแลกกับการหลีกเลี่ยงการถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 25% จากฝั่งสหรัฐฯ การทำข้อตกลงนี้ช่วยลดความไม่แน่นอนในตลาดโลกลงชั่วคราว ซึ่งอาจทำให้ความต้องการทองคำในฐานะ Safe Haven หรือสินทรัพย์ปลอดภัยมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างในระยะสั้น
4. ต้นทุนพุ่ง! นโยบายวีซ่าใหม่เขย่าบริษัทเทคฯ สหรัฐฯ เสี่ยงดันเงินเฟ้อ
คำตัดสินของศาลสหรัฐฯ ที่สนับสนุนรัฐบาลทรัมป์ในการจัดเก็บค่าธรรมเนียมวีซ่า H-1B สูงถึง $100,000 กำลังสร้างภาระต้นทุนมหาศาลให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Microsoft และ Apple ซึ่งความกดดันด้านต้นทุนแรงงานทักษะสูงที่เพิ่มขึ้นนี้ อาจส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน และหากบริษัทเหล่านี้ผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค ก็อาจกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้เงินเฟ้อฝังตัวนานขึ้น ซึ่งเป็นบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ป้องกันเงินเฟ้อ
5. กระทิงทองติดเทอร์โบ! สถิติชี้เป้าหมาย $4,500 ภายในปีใหม่
ภาพรวมทางเทคนิคสะท้อนโครงสร้างขาขึ้นที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยมีโอกาสสูงถึง 80% ที่ราคาจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 2 มกราคม 2026 คาดการณ์ว่าราคามีโอกาสพุ่งทะยานผ่านแนวต้านสำคัญที่ $4,500 (ประมาณ 66,000 บาท) ได้ไม่ยากนัก แนะนำกลยุทธ์เข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นเพื่อลุ้นทำกำไรรับปีใหม่ อย่างไรก็ตาม หากเกิดการพลิกผันจนราคาหลุดแนวรับสำคัญที่ $4,380 (ประมาณ 65,000 บาท) ควรพิจารณาตัดขาดทุน (Cut Loss) ทันทีเพื่อรักษาเงินทุน
