ภาษีทรัมป์ดันทองร่วง โอกาสเก็บของถูกมาอีกครั้ง?
——————————————————————————————————————-
สถานการณ์การเจรจาการค้า ดูเหมือนว่าตลาดจะไม่กังวลมากนัก โดยเราสังเกตได้ว่าประเทศชั้นนำต่างเดินหน้าเข้าสู่การเจรจาการค้าเต็มรูปแบบ และพยายามปิดดีลให้เร็วที่สุด แม้ว่าทาง Donald Trump จะมีการข่มขู่เรื่องการขึ้นภาษี ไม่ว่าจะเป็นต่อแคนาดา บราซิล หรือประเทศอื่นๆ ที่อยู่ในรายชื่อการเก็บภาษีในอัตราสูง แต่ยังคงเชื่อกันว่า ทุกฝ่ายจะสามารถหาทางออกได้
ทำไมถึงต้องเจรจากันได้ Donald Trump ต้องการผลประโยชน์ในระยะยาว โดยมีนัยแฝงสำคัญคือการลดบทบาทคู่แข่งอย่างจีน ซึ่งแน่นอนว่าหากจีนต้องการแข่งขันกับสหรัฐฯ ท่ามกลางภาษีที่สูงลิ่ว จีนเองก็จะเสียผลประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับถูกเก็บภาษีในอัตราสูง ซึ่งในอดีตจีนเคยแก้ปัญหานี้ด้วยการใช้ “ทางผ่าน” หรือย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศที่มีข้อได้เปรียบด้านภาษี แต่ในปัจจุบันนโยบายเหล่านั้นเริ่มใช้ไม่ได้แล้ว โดยตัวอย่างที่ชัดเจนคือดีลกับเวียดนาม ที่แม้จะเป็นประเทศทางผ่าน ก็ยังถูกเก็บภาษีสูงถึง 40%
.
Donald Trump ไม่ได้ต้องการสงครามภาษีจริงๆ เพราะอะไร แม้เขาต้องการกดดันคู่แข่งอย่างจีน แต่ก็ไม่ต้องการให้สหรัฐฯ เสียผลประโยชน์เช่นกัน เนื่องจากโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อาจได้รับผลกระทบ หากสหรัฐฯ ตัดประเทศสำคัญบางประเทศออกจากระบบ ซึ่งประเทศเหล่านั้นอาจหันไปร่วมมือกับศัตรูของตนแทน
.
สรุป การเจรจาการค้ามีแนวโน้มจะดำเนินไปในทิศทางที่ดี พร้อมกับมุมมองเชิงบวกต่อตลาดในฝั่ง Risk On โดยเฉพาะเมื่อ Fed แสดงท่าทีเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยังมีความเห็นว่า มาตรการภาษีของ Donald Trump จะไม่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อในระดับที่น่ากังวลนัก ซึ่งช่วยหนุนให้มีการโยกเงินเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยง (Risk On) อย่างมหาศาล และอาจส่งผลให้ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงขาลงในระยะสั้น
กลยุทธ์แนะนำ หากราคาทองคำยังปรับตัวขึ้นได้จากความไม่แน่นอนในระยะสั้น อาจเป็นโอกาสที่ดีในการขายทำกำไร และรอจังหวะเข้าซื้อใหม่อีกครั้ง กลยุทธ์ระยะสั้น: ย่อซื้อที่ $3,300 และขายที่ $3,350 หากราคาหลุดกรอบนี้ แนะนำให้หยุดรอดูสถานการณ์ชั่วคราวก่อน