fbpx
Card image cap

หุ้น กับ ทองกระดาษ อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน…

วันที่ 15 ตุลาคม 2563 เวลา 11.45 น.

หุ้น กับ ทองกระดาษ อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน… ?

—————————————-

วันก่อนผมเห็นกระทู้นึงมีการพูดถึงความเสี่ยงในตลาดหุ้นกับตลาดทองที่มีการใช้ Leverage หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าทองกระดาษ ซึ่งผลสรุปส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทางที่ว่า ตลาดทองกระดาษ นั้นมีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งวันนี้ผมจะมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดว่าจริงๆเเล้วอะไรที่มีความเสี่ยงมากกว่ากัน

.

แต่ก่อนอื่นผมขออธิบายก่อนว่าตลาดทองที่มีการใช้ Leverage  คืออะไร หลายคนอาจไม่ทราบว่าตลาดเทรดทองจริงๆแล้ว เราสามารถซื้อทองเก็งกำไรได้ง่ายมากๆ โดยที่เราสามารถซื้อทองได้โดยใช้เงินวางขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ก็สามารถซื้อทอง 1 บาท มูลค่า 29,000 บาท ได้แล้ว ข้อดีของมันคือเราสามารถทำกำไรจากการขึ้นลงของราคาทองได้มหาศาล แต่ข้อเสียคือเราไม่สามารถรับทองจริงๆกลับไปเก็บที่บ้านได้  

ชาวบ้านจึงเรียกมันว่าทองกระดาษ หรือสัญญาซื้อขายทองคำนั้นเอง ด้วยความที่มันถูกออกแบบมาเพื่อการเทรดทองโดยเฉพาะ ดังนั้นข้อดีอีกอย่างของมันคือ Spread ระหว่างราคาซื้อกับราคาขายมันจะแคบกว่าเราไปซื้อทองรูปพรรณหรือทองแท่งทั่วๆไป ทำให้ทำกำไรง่ายกว่ามาก       

.

“ทองกระดาษ คือเกมการเทรดทอง (ที่ Spread น้อยกว่าการซื้อแท่งหรือรูปพรรณ เเละ ไม่สามารถจับต้องทองจริงๆได้ เป็นเพียงสัญญาซื้อขายเท่านั้น)”

.

ดังนั้นถ้าทุกคนเข้าใจแบบนี้ก็จะพบว่ามันก็เสี่ยงนี่หว่า การใช้ Leverage มันก็เสี่ยงอยู่แล้ว หุ้นเสี่ยงน้อยกว่าชัดๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่เสมอไปครับ ยกตัวอย่างเช่น หากผมใช้ Leverage เพียง 2 เท่า ในการลงทุนซื้อทองกระดาษ ที่ราคา 29,000 บาท เท่ากับว่าผมจะล้างพอร์ตเมื่อราคาลงมาครึ่งนึงก็คือ 14,500 บาท ถามว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำขนาดนี้ ถามว่าโอกาสที่ทองจะลงไปที่ 14,500 บาท(ต้นทุนเหมืองทองอยู่ที่ประมาณ 16,000 บาท/บาททอง)  กับซื้อหุ้นแล้วหุ้นตัวนี้อนาคตมันดันเจ๊งเพราะการโดน Disrupt หรือปัญหาหนี้ที่ยืดเยื้อจนล้มละลาย โอกาสไหนน่าจะเกิดขึ้นมากว่ากัน ในสถานการณ์แบบนี้ 

.

โอเคครับตอนนี้เราน่าจะเข้าใจเเล้วว่าจริงๆ ตลาดทองกระดาษ คืออะไร ทีนี้เรามาดูกันบ้างว่าความเสี่ยงมันมีประเภทไหนบ้าง

.

ปกติเเล้วเวลาเราจะเลือกเทรดอะไรซักอย่างมันจะมีความเสี่ยงหลักๆอยู่ 5 แบบด้วยกันครับ

.

1.Default Risk (Product)

Default Risk (Product) แปลเป็นภาษาบ้านๆคือความเสี่ยงที่ Product นั้นจะถูกถอดออกไปนั้นเองเช่นถ้าเป็น Case ตลาดหุ้นก็คือการถูก SP นั่นเองหรือถ้าเป็นทองกระดาษก็อาจจะเป็นเคสที่ทั่วโลกเลิกใช้ทองคำ

เเล้วสรุป ? ถ้าข้อนี้ตลาดหุ้นหรือทองกระดาษ เสี่ยงกว่า ? ในส่วนนี้ผมกล้าพูดเลยว่าทองกระดาษมีโอกาส Default น้อยกว่าหุ้นเเน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงเรื่อง Default Risk (Product) สรุปได้ว่าตลาดทองกระดาษ มีความเสี่ยงต่ำกว่า

.

2.Default Risk (Broker)

Default Risk (Broker) สำหรับความเสี่ยงของ Broker นั้นข้อนี้ฝั่งตลาดทองกระดาษ นั้นเสี่ยงกว่าเเน่นอนครับถ้าคุณใช้ Broker ต่างประเทศ หรือ Broker Forex นั่นแหละ เพราะโบรคเมืองนอกมันผิดกฏหมาย ดังนั้น ถ้ามันหนีไปคุณจะเรียกร้องเงินคืนได้ยากมากๆ เพราะ Broker เเทบทั้งหมดนั้นตั้งอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นแนะนำให้เทรดกับ Broker ในประเทศที่จดทะเบียนตามกฏหมายอย่างถูกต้อง 

ส่วนทางฝั่งของ Broker หุ้นในไทยนั้นความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเพราะมีกฎหมายไทยรองรับ ดังนั้นถ้าพูดถึงข้อนี้ทางฝั่งตลาดหุ้นจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะคนสวนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่อง Broker เทรดทองต่างประเทศกับในประเทศมันต่างกันยังไง แต่หากเข้าใจตรงนี้แล้วถือว่าความเสี่ยงเสมอกัน

.

3.Volatility Risk

Volatility Risk หรือความผันผวนนั่นเอง ข้อนี้นั้นผมเชื่อว่าคนส่วนมากคงจะคิดว่าตลาดทองกระดาษ นั้นผันผวนกว่าเเต่จริงๆ เเล้วตลาดหุ้นนั้นผันผวนกว่าทองกระดาษ อยู่พอสมควรครับถ้ามองผ่านมุมมองของระยะความผันผวนนะ แต่ทางฝั่งทองกระดาษ จริงอยู่ที่ว่าขนาดของความผันผวนอาจจะน้อยกว่าตลาดหุ้น เเต่ตลาดทองกระดาษ นั้นเปิด 24 hr จัน – ศุกร์ ดังนั้นจริงอยู่ที่ว่าเหวี่ยงน้อยกว่า เเต่มันอาจจะเหวี่ยงตอนไหนก็ได้ไง

ดังนั้นสรุปได้ว่า ตลาดหุ้นนั้นเหวี่ยงมากกว่า แต่ทองกระดาษ เหวี่ยงบ่อยกว่าจ้า

.

4.Liquidity Risk

ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องนั้นเอง สำหรับคนเงินน้อยคงไม่มีปัญหาด้านนี้ทั้ง 2 ตลาด เเต่ถ้าเงินคุณเริ่มเยอะเมื่อไรตลาดหุ้นนั้นจะมีความเสี่ยงอันนี้มากกว่าโดยเฉพาะหุ้นเล็ก เเต่ตลาดทองกระดาษ นั้นมีสภาพคล่องเหลือเฟือ

ดังนั้นข้อนี้ถ้าเงินน้อยไม่มีปัญหา ถ้าเงินเยอะตลาดหุ้นเสี่ยงกว่าครับ

.

5.Ignorance Risk

Ignorance Risk ผมขอเรียกง่ายๆว่าเป็นความเสี่ยงจากความไม่รู้ละกันนะครับ ข้อนี้ถือเป็นความเสียงที่โหดร้ายที่สุดของการเทรดเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันเกิดจากตัวเราเองนี่เเหละครับที่คิดว่าการเทรดนั้นเป็นวิธีการที่ทำให้รวยทางลัด เเละขาดการศึกษาหาข้อมูลก่อนเริ่ม ซึ่งมันก็ทำให้ไม่ว่าจะเทรดหุ้นหรือทองกระดาษ มันก็เสี่ยงไม่ต่างกันเเหละ

.

โอเคเเต่ถ้าถามว่าถ้าเเบ้วๆเข้ามาไม่ศึกษาเลย อันนี้อะไรเสี่ยงกว่ากัน ? ก็ต้องขอตอบว่าตลาดทองกระดาษ มีความเสี่ยงมากกว่า เพราะสิ่งที่เรียกว่า leverage นั้นเอง ซึ่งในส่วนของ Broke หุ้นในประเทศนั้นโดยทั่วไปจะไม่ให้ใช้ leverage แต่ไม่ใช่สำหรับตลาดทองกระดาษ ที่เปิดโอกาสให้ใช้ Leverage ได้ถึง 100 เท่า(Leverage เหมือนให้เงินกู้ สมมติคุณใช้ leverage 100 เท่าเหมือนคุณมีเงิน 1000 บาทเเต่ซื้อของ 100,000 บาทได้)

.

นั่นเท่ากับว่าถ้าคุณใช้ leverage 100 เท่าเต็มๆ ทองกระดาษที่คุณเทรดเหวี่ยงเเค่ 1 % คุณก็ล้างพอร์ทละ ซึ่งจริงๆเเล้วไอ 1 % เนี่ยมันไม่ได้เหวี่ยงเยอะอะไรเลย เเต่คุณเจ๊งเพราะเทรดเกินตัวต่างหาก

.

สำหรับบทความนี้ก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตลาดทองกระดาษ มากขึ้นนะครับว่าจริงๆมันไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่หากคุณเข้ามาแบบไม่มีความรู้อะไรเลย เข้ามาด้วยความโลภล้วนๆ แบบนี้แนะนำให้ไปศึกษาก่อน ไม่งั้นหมดตัวแน่ๆครับ

 

#ซื้อขายทองคำแท่ง#ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์#ทองคำ
#อินเตอร์โกลด์#InterGOLD#ลงทุนทองคำแท่ง

สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่: https://www.youtube.com/intergoldgoldtrade
 สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดตามข่าวสารได้ที่
 Website : www.intergold.co.th
 Line : @intergold
 Facebook : https://www.facebook.com/IntergoldPage/
Call : 02 – 2233 – 234

หรือสมัครเปิดพอร์ตออนไลน์คลิก : https://bit.ly/3dUqjSz



ราคาทอง
2 ธันวาคม 2567 | 14:11:01

ประเภท รับซื้อ ขายออก
LBMA
99.99% (Baht)
-

0.00

-

0.00

InterGold
96.5% (Baht)
-

0.00

-

0.00

สมาคมฯ
96.5% (Baht)
-

0.00

-

0.00

Gold Spot
(USD)
-

0.00

-

0.00

ค่าเงินบาท
(USDTHB)
-
-

0.00

ราคาทองคำย้อนหลัง
ความเคลื่อนไหวกองทุนทองคำ
2 ธันวาคม 2567 | 14:09:02

SPDR (ton) (USD) HUI (USD)
878.55

0.00

238.60

-0.43