หุ้น กับ ทองกระดาษ อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน… ?
—————————————-
วันก่อนผมเห็นกระทู้นึงมีการพูดถึงความเสี่ยงในตลาดหุ้นกับตลาดทองที่มีการใช้ Leverage หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่าทองกระดาษ ซึ่งผลสรุปส่วนใหญ่มีความเห็นไปในทางที่ว่า ตลาดทองกระดาษ นั้นมีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งวันนี้ผมจะมาเปรียบเทียบให้เห็นชัดว่าจริงๆเเล้วอะไรที่มีความเสี่ยงมากกว่ากัน
.
แต่ก่อนอื่นผมขออธิบายก่อนว่าตลาดทองที่มีการใช้ Leverage คืออะไร หลายคนอาจไม่ทราบว่าตลาดเทรดทองจริงๆแล้ว เราสามารถซื้อทองเก็งกำไรได้ง่ายมากๆ โดยที่เราสามารถซื้อทองได้โดยใช้เงินวางขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท ก็สามารถซื้อทอง 1 บาท มูลค่า 29,000 บาท ได้แล้ว ข้อดีของมันคือเราสามารถทำกำไรจากการขึ้นลงของราคาทองได้มหาศาล แต่ข้อเสียคือเราไม่สามารถรับทองจริงๆกลับไปเก็บที่บ้านได้
ชาวบ้านจึงเรียกมันว่าทองกระดาษ หรือสัญญาซื้อขายทองคำนั้นเอง ด้วยความที่มันถูกออกแบบมาเพื่อการเทรดทองโดยเฉพาะ ดังนั้นข้อดีอีกอย่างของมันคือ Spread ระหว่างราคาซื้อกับราคาขายมันจะแคบกว่าเราไปซื้อทองรูปพรรณหรือทองแท่งทั่วๆไป ทำให้ทำกำไรง่ายกว่ามาก
.
“ทองกระดาษ คือเกมการเทรดทอง (ที่ Spread น้อยกว่าการซื้อแท่งหรือรูปพรรณ เเละ ไม่สามารถจับต้องทองจริงๆได้ เป็นเพียงสัญญาซื้อขายเท่านั้น)”
.
ดังนั้นถ้าทุกคนเข้าใจแบบนี้ก็จะพบว่ามันก็เสี่ยงนี่หว่า การใช้ Leverage มันก็เสี่ยงอยู่แล้ว หุ้นเสี่ยงน้อยกว่าชัดๆ แต่ความจริงแล้วมันไม่เสมอไปครับ ยกตัวอย่างเช่น หากผมใช้ Leverage เพียง 2 เท่า ในการลงทุนซื้อทองกระดาษ ที่ราคา 29,000 บาท เท่ากับว่าผมจะล้างพอร์ตเมื่อราคาลงมาครึ่งนึงก็คือ 14,500 บาท ถามว่าในสถานการณ์เศรษฐกิจแบบนี้ ดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำขนาดนี้ ถามว่าโอกาสที่ทองจะลงไปที่ 14,500 บาท(ต้นทุนเหมืองทองอยู่ที่ประมาณ 16,000 บาท/บาททอง) กับซื้อหุ้นแล้วหุ้นตัวนี้อนาคตมันดันเจ๊งเพราะการโดน Disrupt หรือปัญหาหนี้ที่ยืดเยื้อจนล้มละลาย โอกาสไหนน่าจะเกิดขึ้นมากว่ากัน ในสถานการณ์แบบนี้
.
โอเคครับตอนนี้เราน่าจะเข้าใจเเล้วว่าจริงๆ ตลาดทองกระดาษ คืออะไร ทีนี้เรามาดูกันบ้างว่าความเสี่ยงมันมีประเภทไหนบ้าง
.
ปกติเเล้วเวลาเราจะเลือกเทรดอะไรซักอย่างมันจะมีความเสี่ยงหลักๆอยู่ 5 แบบด้วยกันครับ
.
1.Default Risk (Product)
Default Risk (Product) แปลเป็นภาษาบ้านๆคือความเสี่ยงที่ Product นั้นจะถูกถอดออกไปนั้นเองเช่นถ้าเป็น Case ตลาดหุ้นก็คือการถูก SP นั่นเองหรือถ้าเป็นทองกระดาษก็อาจจะเป็นเคสที่ทั่วโลกเลิกใช้ทองคำ
เเล้วสรุป ? ถ้าข้อนี้ตลาดหุ้นหรือทองกระดาษ เสี่ยงกว่า ? ในส่วนนี้ผมกล้าพูดเลยว่าทองกระดาษมีโอกาส Default น้อยกว่าหุ้นเเน่นอน เพราะฉะนั้นถ้าพูดถึงเรื่อง Default Risk (Product) สรุปได้ว่าตลาดทองกระดาษ มีความเสี่ยงต่ำกว่า
.
2.Default Risk (Broker)
Default Risk (Broker) สำหรับความเสี่ยงของ Broker นั้นข้อนี้ฝั่งตลาดทองกระดาษ นั้นเสี่ยงกว่าเเน่นอนครับถ้าคุณใช้ Broker ต่างประเทศ หรือ Broker Forex นั่นแหละ เพราะโบรคเมืองนอกมันผิดกฏหมาย ดังนั้น ถ้ามันหนีไปคุณจะเรียกร้องเงินคืนได้ยากมากๆ เพราะ Broker เเทบทั้งหมดนั้นตั้งอยู่ที่ต่างประเทศ ดังนั้นแนะนำให้เทรดกับ Broker ในประเทศที่จดทะเบียนตามกฏหมายอย่างถูกต้อง
ส่วนทางฝั่งของ Broker หุ้นในไทยนั้นความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเพราะมีกฎหมายไทยรองรับ ดังนั้นถ้าพูดถึงข้อนี้ทางฝั่งตลาดหุ้นจะมีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะคนสวนใหญ่ไม่เข้าใจเรื่อง Broker เทรดทองต่างประเทศกับในประเทศมันต่างกันยังไง แต่หากเข้าใจตรงนี้แล้วถือว่าความเสี่ยงเสมอกัน
.
3.Volatility Risk
Volatility Risk หรือความผันผวนนั่นเอง ข้อนี้นั้นผมเชื่อว่าคนส่วนมากคงจะคิดว่าตลาดทองกระดาษ นั้นผันผวนกว่าเเต่จริงๆ เเล้วตลาดหุ้นนั้นผันผวนกว่าทองกระดาษ อยู่พอสมควรครับถ้ามองผ่านมุมมองของระยะความผันผวนนะ แต่ทางฝั่งทองกระดาษ จริงอยู่ที่ว่าขนาดของความผันผวนอาจจะน้อยกว่าตลาดหุ้น เเต่ตลาดทองกระดาษ นั้นเปิด 24 hr จัน – ศุกร์ ดังนั้นจริงอยู่ที่ว่าเหวี่ยงน้อยกว่า เเต่มันอาจจะเหวี่ยงตอนไหนก็ได้ไง
ดังนั้นสรุปได้ว่า ตลาดหุ้นนั้นเหวี่ยงมากกว่า แต่ทองกระดาษ เหวี่ยงบ่อยกว่าจ้า
.
4.Liquidity Risk
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องนั้นเอง สำหรับคนเงินน้อยคงไม่มีปัญหาด้านนี้ทั้ง 2 ตลาด เเต่ถ้าเงินคุณเริ่มเยอะเมื่อไรตลาดหุ้นนั้นจะมีความเสี่ยงอันนี้มากกว่าโดยเฉพาะหุ้นเล็ก เเต่ตลาดทองกระดาษ นั้นมีสภาพคล่องเหลือเฟือ
ดังนั้นข้อนี้ถ้าเงินน้อยไม่มีปัญหา ถ้าเงินเยอะตลาดหุ้นเสี่ยงกว่าครับ
.
5.Ignorance Risk
Ignorance Risk ผมขอเรียกง่ายๆว่าเป็นความเสี่ยงจากความไม่รู้ละกันนะครับ ข้อนี้ถือเป็นความเสียงที่โหดร้ายที่สุดของการเทรดเลยก็ว่าได้ ซึ่งมันเกิดจากตัวเราเองนี่เเหละครับที่คิดว่าการเทรดนั้นเป็นวิธีการที่ทำให้รวยทางลัด เเละขาดการศึกษาหาข้อมูลก่อนเริ่ม ซึ่งมันก็ทำให้ไม่ว่าจะเทรดหุ้นหรือทองกระดาษ มันก็เสี่ยงไม่ต่างกันเเหละ
.
โอเคเเต่ถ้าถามว่าถ้าเเบ้วๆเข้ามาไม่ศึกษาเลย อันนี้อะไรเสี่ยงกว่ากัน ? ก็ต้องขอตอบว่าตลาดทองกระดาษ มีความเสี่ยงมากกว่า เพราะสิ่งที่เรียกว่า leverage นั้นเอง ซึ่งในส่วนของ Broke หุ้นในประเทศนั้นโดยทั่วไปจะไม่ให้ใช้ leverage แต่ไม่ใช่สำหรับตลาดทองกระดาษ ที่เปิดโอกาสให้ใช้ Leverage ได้ถึง 100 เท่า(Leverage เหมือนให้เงินกู้ สมมติคุณใช้ leverage 100 เท่าเหมือนคุณมีเงิน 1000 บาทเเต่ซื้อของ 100,000 บาทได้)
.
นั่นเท่ากับว่าถ้าคุณใช้ leverage 100 เท่าเต็มๆ ทองกระดาษที่คุณเทรดเหวี่ยงเเค่ 1 % คุณก็ล้างพอร์ทละ ซึ่งจริงๆเเล้วไอ 1 % เนี่ยมันไม่ได้เหวี่ยงเยอะอะไรเลย เเต่คุณเจ๊งเพราะเทรดเกินตัวต่างหาก
.
สำหรับบทความนี้ก็หวังว่าทุกคนจะเข้าใจตลาดทองกระดาษ มากขึ้นนะครับว่าจริงๆมันไม่ได้น่ากลัวอะไร แต่หากคุณเข้ามาแบบไม่มีความรู้อะไรเลย เข้ามาด้วยความโลภล้วนๆ แบบนี้แนะนำให้ไปศึกษาก่อน ไม่งั้นหมดตัวแน่ๆครับ
#ซื้อขายทองคำแท่ง#ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์#ทองคำ
#อินเตอร์โกลด์#InterGOLD#ลงทุนทองคำแท่ง
สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่: https://www.youtube.com/intergoldgoldtrade
สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดตามข่าวสารได้ที่
Website : www.intergold.co.th
Line : @intergold
Facebook : https://www.facebook.com/IntergoldPage/
Call : 02 – 2233 – 234
หรือสมัครเปิดพอร์ตออนไลน์คลิก : https://bit.ly/3dUqjSz