
สัญญาณพิมพ์เงินมาอีกครั้งแล้วใครจะรั้งทองคำอยู่!
.
———————————————————————————————————————–
.
ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจับตาดูการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหญ่ที่ขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี AI ซึ่งนำไปสู่การครอบงำตลาดหุ้นโดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ ราคาทองคำก็ได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางกระแสความไม่แน่นอนของสกุลเงินหลักของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีรายงานว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) สาขานิวยอร์ก ได้ออกมากล่าวถึงความจำเป็นที่ใกล้จะถึงวาระการทำ QE (Quantitative Easing) หรือการพิมพ์เงินเพื่อซื้อตราสารหนี้รัฐบาลอีกครั้ง การประกาศดังกล่าวถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ทองคำและสินทรัพย์อื่น ๆ เป็น “สินทรัพย์ที่ลงยาก” เนื่องจากผลลัพธ์ของการพิมพ์เงินคือการทำให้สกุลเงินดอลลาร์เสื่อมค่าลง ส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์ที่เทียบกับดอลลาร์นั้นเพิ่มขึ้น
.
ปัจจัยหลักที่ผลักดันราคาทองคำคือข่าวการกลับมาทำ QE ซึ่งแม้จะมีการระบุว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้ระบบการเงินมีเสถียรภาพ แต่โดยสรุปแล้วคือการพิมพ์เงิน นอกเหนือจากนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายนี้ มีการคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยลงอีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้เดิม สำหรับสถานการณ์เศรษฐกิจ ได้มีการรายงานตัวเลข ISM ภาคบริการที่มีการเติบโตของราคา ซึ่งสะท้อนถึงเงินเฟ้อภาคบริการ ขณะที่ภาคการผลิตหดตัว อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อที่เกิดจากกำแพงภาษีถูกมองว่าเป็นเพียงการปรับราคาขึ้นเพียงครั้งเดียวและไม่ใช่เงินเฟ้อต่อเนื่องที่น่ากลัวในระยะยาว การพัฒนาอย่างรวดเร็วของ AI และหุ่นยนต์ ซึ่งอาจนำไปสู่การว่างงานจำนวนมากในอนาคตอันใกล้ จะบีบให้รัฐบาลต้องพิมพ์เงินจำนวนมากเพื่ออัดฉีดเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนในช่วงการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเป็นปัจจัยเชิงโครงสร้างที่หนุนให้ราคาทองคำเป็นบวกอย่างยิ่ง
.
กลยุทธ์การลงทุนในยุคนี้คือการ ถือครองสินทรัพย์ (Asset) ให้มาก และถือเงินสดให้น้อย เนื่องจากอำนาจการซื้อของเงินสด (โดยเฉพาะเงินบาท) จะถูกกัดกินอย่างต่อเนื่องจากการเสื่อมค่าของสกุลเงิน สำหรับนักลงทุนที่ได้ซื้อทองคำไว้และมีต้นทุนต่ำกว่าระดับ 4,100 (หรือ 62,600 บาท) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีต้นทุนใกล้ 3,900 ถือว่าอยู่ในโซนราคาที่แข็งแกร่งและไม่น่ากังวล คำแนะนำคือ ถือไว้เพียงอย่างเดียว และไม่จำเป็นต้องเปิดจอหรือดูราคาทองคำตลอดเวลา เนื่องจากโอกาสที่ราคาจะปรับตัวลงนั้นยากขึ้นมากจากการส่งสัญญาณทำ QE ทองคำมีความได้เปรียบเหนือการลงทุนในหุ้นตรงที่ ทองคำไม่มีเจ้าของ จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการถูกโกง นอกจากนี้ ควรมีการกระจายความเสี่ยงไปยังสินทรัพย์อื่น ๆ ด้วย เช่น หุ้นสหรัฐฯ (หากมีการลงและสามารถซื้อได้) และหุ้นจีน ซึ่งมองว่ายังไม่แพงและจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการปรับใช้ AI ในภาคอุตสาหกรรมการผลิต
.
รับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ : https://youtu.be/TH68xD1It4E
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @intergold
คลิกที่ลิงค์สำหรับเพิ่มเพื่อน : https://page.line.me/intergold
