fbpx
Card image cap

10 ข้อควรรู้ของคนเล่นทอง

วันที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลา 08.49 น.

10 ข้อควรรู้ของคนเล่นทอง

เคยสงสัยกันหรือไม่ครับ หากเราอยากจะเริ่มต้นลงทุนในทองคำแต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะหาข้อมูลจากไหน หรือเริ่มต้นที่อะไร ลองมาอ่านเรื่องที่นักลงทุนต้องรู้ 10 ข้อ ดูนะครับ เพื่อเป็นแนวทางของการเริ่มต้นลงทุนทองคำแท่งต่อไป ^^

1. คุณชอบลงทุนสไตล์ไหน

เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ คุณเป็นนักลงทุนทองคำแท่งสไตล์ไหน คือเป็นนักลงทุนระยะยาว หรือ นักลงทุนระยะสั้นแบบซื้อมาขายไปเพื่อกำไรระยะสั้น หรือเป็นนักลงทุนประเภทส่วนผสมของทั้งระยะยาวและระยะสั้น เพราะสไตล์จะเป็นตัวกำหนดปัจจัยต่อเนื่องหลายๆ อย่าง เช่น จะลงทุนเท่าไรดี จะลงทุนเองหรือลงทุนผ่านวิธีอื่นๆ เช่น กองทุนรวม หรือลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ระยะเวลาการลงทุนจะนานแค่ไหน หรือเราจะต้องใช้เวลาในแต่ละวันติดตามสถานการณ์ราคาจริงจังแค่ไหน เป็นต้น
“มีเป้าหมายการลงทุนในระดับหนึ่งว่าจะเป็น Long-Term หรือแค่ Make Money ระยะสั้น (หรือจะแยกเงินเป็น 2 ส่วนสำหรับแต่ละเป้าหมาย) การลงทุนแบบไม่มีเป้าหมายอาจทำให้ท่านเข้า-ออกผิดจังหวะ หรือติดดอยได้ง่ายๆ”

2. เครื่องมือที่เหมาสมนำพาซึ่งกำไรในการเทรด

การลงทุนในทองคำแท่งในบ้านเราทำได้หลักๆ 4 รูปแบบคือ (1) ลงทุนเองทางตรงโดยการซื้อทองคำจากร้านขายทองไม่ว่าจะถือเงินไปซื้อที่ร้าน หรือซื้อผ่านอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นทองคำแท่ง ทองรูปพรรณ หรือเหรียญทองคำ (2) ลงทุนผ่านกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ  (3) ลงทุนในสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ในตลาดประเทศไทย และ (4) ลงทุนทางอ้อมโดยการซื้อหุ้นในบริษัทที่ทำเหมืองทองคำผ่านตลาดหลักทรัพย์ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีข้อดี ข้อเสียต่างกัน เราต้องเลือกให้เหมาะกับตัวเรา และลักษณะการลงทุนของเราเอง
“ถ้างานประจำเรายุ่งไม่ค่อยมีเวลาก็อาจลงทุนผ่านกองทุนรวม หรือถ้ามีอาม่าที่เล่นทองคำเก่งก็อาจลงทุนเล่นเองแล้วปรึกษาอาม่า หรือหากชอบเสี่ยงหรือชอบคาดเดาราคาทองคำในอนาคตก็อาจลงทุนใน ตลาดทองคำแท่งได้ “

3. อย่าวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน

ตามสำนวนที่หลายๆ คนชอบพูดกันว่า “Don’t put all eggs in one basket.” ดังนั้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงเวลาราคาทองคำแท่งลง หรือเวลาที่ราคาผันผวนซึ่งอาจทำให้เราหมดตัวได้ถ้าการลงทุนของเรามีแต่ทองคำ พอร์ทการลงทุนของเราไม่ควรจะเป็นทองคำอย่างเดียว หรือเป็นสัดส่วนที่สูงเกินไป ควรมองทองคำเป็นเพียง Alternative Investment เท่านั้น เช่น บางคนอาจกระจายความเสี่ยงในการลงทุนเป็นหลายรูปแบบ (Diversification) และทองคำเป็นส่วนหนึ่ง เช่น ทองคำแท่ง 20% กองทุน 20% หุ้น 20% พันธบัตร 30% ฝากธนาคาร 10% เป็นต้น
“อย่าวางไข่ไว้ในตะกร้าใบเดียวกัน” 

4. เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยๆ

ก่อนเริ่มลงทุนทองคำแท่ง ควรศึกษาและทำความเข้าใจกับความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับทองคำให้ดีก่อน เช่น มีค่าใช้จ่ายต้นทุนอะไรบ้าง อะไรที่อาจเป็นปัจจัย และมีผลกระทบกับราคาทอง และควรเริ่มต้นลงทุนด้วยพอร์ตลงทุนเล็กๆ ก่อน เพื่อฝึกทักษะความเข้าใจ และเก็บสะสมประสบการณ์ก่อนที่จะกระโจนลงเต็มตัว หรือเริ่มลงทุนในจำนวนที่สูง การลงทุนในทองคำซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodities) อย่างหนึ่งซึ่งบางทีราคาเอาแน่เอานอนไม่ได้ บางทีความรู้ หรือการศึกษาอย่างเดียวอาจไม่พอ แต่ประสบการณ์และความเก๋าเคยผ่านสถานการณ์ทั้งดี และร้าย รวมถึงการค่อยๆ ทำความเข้าใจพฤติกรรมของตลาด ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นทีเดียว
“ก่อนที่จะลงทุนเป็นจำนวนเยอะๆ ควรศึกษา และเก็บประสบการณ์มองพฤติกรรมตลาดในระดับหนึ่ง และช่วงเวลาหนึ่งก่อน เพราะบางทีการลงทุนในทองคำ ประสบการณ์ก็สำคัญไม่แพ้กับความรู้เลย”

5. วินัยเป็นเรื่องสำคัญในการลงทุน

ข้อนี้จะสำคัญมากสำหรับนักลงทุนประเภทระยะสั้นทำกำไร คือเราต้องมีวินัย และมีระดับตัวเลขความเสี่ยงที่ยอมรับได้ไว้ในใจเหมือนกัน และเมื่อถึงจุด Trigger Point ตรงนั้น เราอาจต้องตัดขาดทุน หรือขายทำกำไรในระดับนั้นทันทีเพื่อไม่ให้เราโดนลากยาวไปกว่านั้น หรือเกิดอาการติดดอย บางคนอาจตั้งกฎไว้เลยว่าไม่อยากได้กำไรมากๆ แต่ขอแค่กำไรนิดๆ หน่อยๆ ตอดนิดตอดหน่อยไปเรื่อยๆ แต่กำไรไปตลอดก็พอ นอกจากนี้กฎหลักอีกอย่างที่เราควรจำไว้ก็คือ ไม่มีใครสามารถบอกหรือแนะนำเราหรอกได้ว่าตอนนี้ราคาสูงสุดแล้วให้ขาย หรือตอนนี้ต่ำสุดแล้วให้ซื้อ ดังนั้น มีวินัยและตั้ง Trigger Point ที่ตัวเองรับได้ ดีที่สุดครับ
“ควรมีวินัยเหมือนนักกีฬาฟุตบอล แต่อย่าคิดแบบกีฬาฟุตบอลที่ว่าแพ้ 1-0 ก็เหมือนแพ้ 3-0 เพราะแพ้เหมือนกัน เพราะในการลงทุนทองคำขาดทุนแค่ 100 ไม่เหมือนกับการขาดทุน 300 นะครับ”

6. ทองคำแท่ง VS ทองคำรูปพรรณ

เราสามารถเลือกซื้อได้ทั้งสองแบบ แต่ทองคำสองประเภทนี้ก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันขึ้นอยู่กับความประสงค์ของคนซื้อ ถ้าเป็นทองคำแท่งก็จะมีข้อดีคือ ไม่เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขายจึงอาจมีราคาโดยรวมถูกกว่าทองคำรูปพรรณนิดหน่อย (ในน้ำหนักที่เท่ากัน) แต่มีข้อเสียคือ สวมใส่ไม่ได้ต้องเก็บรักษาไว้เฉยๆ และอาจต้องมีต้นทุนค่าเก็บรักษา เช่น เสียเงินฝากในตู้นิรภัยกับธนาคาร ส่วนทองคำรูปพรรณก็จะมีข้อดีคือ ใช้เงินเริ่มต้นไม่มากก็ซื้อได้ และใส่เป็นเครื่องประดับแสดงฐานะได้ในบางโอกาส แต่ก็มีข้อเสียคือ เสียค่ากำเหน็จในการซื้อขาย และอาจโดนกดราคาเมื่อขายคืน หรือขายคืนกับคนละร้านที่เราซื้อมา
“ศึกษาต้นทุนของตัวเองให้ดี และถามตัวเองว่าอยากให้ทองคำทำหน้าที่อะไรให้เรา จากนั้นก็เลือกให้เหมาะสมระหว่างทองคำแท่ง และทองคำรูปพรรณ”

7. ลงทุนด้วยเงินเย็นเท่านั้น

ถ้าจะให้ปลอดภัย เราควรจะลงทุนด้วย ‘เงินเย็น’ เท่านั้น ไม่ควรจะกู้เงินมาลงทุน เพราะราคาทองผันผวนง่าย และหากกู้มาแล้ว ทองคำที่ซื้อไว้ดันขาดทุน จะทำให้เรามีภาระสองทาง คือทั้งผลขาดทุน และเสียดอกเบี้ย ในการลงทุนอสังหาริมทรัพย์นั้น บางคนอาจใช้วิธีกู้เงินเพื่อมาลงทุนได้ (เช่นซื้อแล้วปล่อยเช่าโดยเอาค่าเช่ามาจ่ายหนี้เงินกู้) ซึ่งสามารถทำได้ในระดับที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าการกู้เงินมาลงทุนทองคำ เพราะโดยธรรมชาติของอสังหาริมทรัพย์นั้น ราคามีแนวโน้มจะขึ้นมากกว่าลง (หรืออย่างน้อยก็ทรงตัวหรือขาดทุนนิดหน่อย) และบางทีเรากำหนดราคาขายต่อเองได้ ในขณะที่ทองคำนั้น ราคาหวือหวากว่ามาก และต้องขายตามราคาตลาดโลกเท่านั้น
“เพื่อความปลอดภัยของเงินในกระเป๋าท่านเอง และความมั่นคงของครอบครัว ลงทุนในทองคำด้วย ‘เงินเย็น’ เท่านั้น ไม่ควรจะกู้เงินมาลงทุนเด็ดขาด”

8. กราฟสำคัญแต่ข่าวสำคัญกว่า

จากสถิติที่ผ่านมา ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงข้ามกับค่าเงิน US Dollars เพราะทองคำซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐลดลง ราคาทองคำก็มักจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เพราะนักลงทุนโยกเงินจากเงินดอลลาร์สหรัฐไปที่ทองคำ และเมื่อไรที่ค่าเงินดอลลาร์เพิ่มค่าขึ้น ราคาทองก็มักจะปรับตัวลดลง และนอกจากนี้ ข่าวๆต่างๆที่มีผลกับเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็มักจะส่งผลต่อทองเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนที่หวังจะพิชิตกำไรในตลาดทองคำแท่ง ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตาม Event ต่างๆเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดย Event ไหนที่มีความสำคัญมาก ทางอินเตอร์โกลด์ ก็มักจะมีบทวิเคราะห์ หรือ Content ดีๆมาให้เพื่อนๆได้อ่านกันอยู่เสมอครับ
“จากสถิติที่ผ่านมาแนวโน้มคือ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในทางตรงกันข้ามกับค่าเงิน US Dollars “

9. ทองคำแท้ง กับ รูปพรรณ น้ำหนักไม่เท่ากัน

ทองคำแท่ง กับทองรูปพรรณ แม้จะทอง 1 บาทเท่ากัน แต่น้ำหนักจริงหนักไม่เท่ากัน โดยมาตรฐานทองคำแท่ง 1 บาท หนัก 15.244 กรัม ส่วนมาตรฐานทองรูปพรรณ 1 บาท หนัก 15.16 กรัม

10. เทรดกับคนที่ไว้ใจได้

ถ้าเราลงทุนด้วยตัวเอง หากมีร้านทองที่คุ้นเคย หรือที่ซื้อขายได้สะดวกรวดเร็ว และเงื่อนไขน้อยก็จะดี เพราะบางทีเราอาจต้องซื้อเร็วขายเร็วเหมือนกัน ที่อินเตอร์โกลด์เรารับฟังและให้คำปรึกษาคุณอย่างตรงไปตรงมาเป็นกันเอง เปรียบเสมือนครอบครัวของเราเพราะความสุขของคุณ คือ รอยยิ้มของเรา และ ด้วยระบบการเทรดที่รองรับการซื้อ-ขายทองคำแท่งผ่านระบบออนไลน์ ทั้งบนเครื่อง PC โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตทุกแพลตฟอร์มไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เวลาใด ก็สามารถทำรายการซื้อ-ขายได้อย่างสะดวกสบาย
“เราพร้อมให้คำปรึกษาลูกค้า อัพเดทข่าวสาร บทวิเคราะห์เพื่อประกอบการตัดสินใจการลงทุน เพราะเรามั่นใจว่าความรู้คู่การลงทุน จะทำให้ลูกค้าได้ประโยชน์สูงสุดในการลงทุน”

 

#ซื้อขายทองคำแท่ง #ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ #ทองคำ
#อินเตอร์โกลด์ #InterGOLD #ลงทุนทองคำแท่ง
สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่: https://www.youtube.com/intergoldgoldtrade
 สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดตามข่าวสารได้ที่
 Website : www.intergold.co.th
 Line : @intergold
 Facebook : https://www.facebook.com/IntergoldPage/
Call : 02 – 2233 – 234

 

 


ราคาทอง
25 เมษายน 2567 | 04:34:03

ประเภท รับซื้อ ขายออก
LBMA
99.99% (Baht)
42,107

+4.00

42,172

+4.00

InterGold
96.5% (Baht)
40,633

+4.00

40,703

+4.00

สมาคมฯ
96.5% (Baht)
40,500

0.00

40,600

0.00

Gold Spot
(USD)
2,315.75

0.00

2,316.29

0.00

ค่าเงินบาท
(USDTHB)
-
37.09

0.00

ราคาทองคำย้อนหลัง
ความเคลื่อนไหวกองทุนทองคำ
25 เมษายน 2567 | 04:33:02

SPDR (ton) (USD) HUI (USD)
0.00

0.00

238.60

-0.43