
ทองคำจะเป็นอย่างไร เมื่อซามูไรกระตุกหนวดมังกร
.
———————————————————————————————————————–
.
ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจโลกในปัจจุบัน ทองคำยังคงรักษาบทบาทเป็นสินทรัพย์สำคัญที่ต้องจับตา ข่าวสารในสัปดาห์ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นถึงความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI ซึ่งเป็นปัจจัยระยะสั้นที่ทำให้ราคาทองคำมีการปรับฐาน อย่างไรก็ตาม ธีมหลักของทองคำในระยะยาวคือ การต่อสู้ระหว่างจีนและอเมริกา ที่ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและไม่ประนีประนอม ความไม่ลงรอยกันนี้ถูกมองว่าเป็นปัจจัยมหภาคสำคัญที่ผลักดันให้ทองคำเป็นขาขึ้น การปรับตัวลงของราคาทองคำที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เกิดจากตลาดหุ้นอเมริกาที่ลงแรงเกินไป และไม่ได้เกี่ยวข้องกับปัจจัยพื้นฐานของทองคำ ซึ่งทำให้ตลาดทองคำยังคงมีแนวโน้มที่จะทำ New High ได้ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า
.
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงถูกมองว่าเป็นศัตรูกัน โดยทั้งสองประเทศต่างยื้อเวลาและซื้อเวลาออกไป เช่น ในกรณีของแร่หายาก (Rare Earth Minerals) ที่จีนเป็นผู้ผลิตและส่งออกหลัก ซึ่งส่งผลกระทบต่อต้นทุนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมกลาโหมของสหรัฐฯ ลักษณะของเกมนี้เป็นการยื้อเวลา ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองประเทศดีกันแล้ว นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของรัฐบาลสหรัฐฯ ยังรวมถึงการบีบให้ประเทศพันธมิตร เช่น สวิตเซอร์แลนด์ ต้องยอมลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2028 เพื่อย้ายฐานการผลิตทองคำและอุตสาหกรรมยา/อุปกรณ์ทางการแพทย์กลับสู่ประเทศ ซึ่งเป็นความพยายามลดบทบาทของจีนในห่วงโซ่อุปทานโลก ประเด็นที่รุนแรงขึ้นคือ การประกาศจุดยืนของญี่ปุ่นที่พร้อมจะตอบโต้ทางทหารเพื่อช่วยเหลือไต้หวัน หากจีนใช้มาตรการทางทหาร การประกาศนี้เป็นสัญญาณว่าสหรัฐฯ กำลังกดดันให้ประเทศในเอเชียเลือกข้าง และเป็นการตอกย้ำความขัดแย้งที่รุนแรงในทะเลจีนใต้ หากเกิดความขัดแย้งครั้งใหญ่ขึ้นในพื้นที่ดังกล่าว ทองคำจะวิ่งขึ้นอย่างรุนแรงและอาจหนักกว่าวิกฤตยูเครน–รัสเซีย ขณะเดียวกัน รัฐบาลหลายประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ญี่ปุ่น ก็กำลังกระตุ้นเศรษฐกิจและอัดฉีดเงินเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นภาพรวมของนโยบายที่เกิดขึ้นทั่วโลก
.
จากภาพรวมที่ตอกย้ำธีมมหภาคขาขึ้น การปรับฐานของราคาทองคำที่เกิดขึ้นนี้จึงถือเป็น โอกาสในการเข้าซื้อ หรือ “ของดีราคาถูก” การปรับฐานนี้เป็นเพียงการลงระยะสั้น ซึ่งอาจกินเวลาราว 2–3 เดือน หากฟองสบู่ AI แตกจริงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดร่วงแรง 20–30% ทองคำอาจร่วงลงตามได้ราว 5% แต่สถานการณ์นี้จะนำไปสู่การออกมาตรการช่วยเหลือจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เช่น การทำ QE หรือการลดดอกเบี้ย เพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทต่าง ๆ ล้มละลาย ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะส่งผลบวกต่อทองคำในที่สุด
.
กลยุทธ์ที่แนะนำคือ ทยอยซื้อ (ถัว) ในบริเวณที่ได้เปรียบ โดยโซนที่น่าสนใจสำหรับการเก็บคือ 4,100 ลงมาถึง 4,000 ดอลลาร์ ในด้านการลงทุน นักลงทุนควรใช้เงินสดเต็มจำนวนในการซื้อทองคำ และหลีกเลี่ยงการใช้เลเวอเรจสูง เพื่อให้สามารถรอคอยตามธีมระยะยาวได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสภาพคล่อง พร้อมตั้งเป้าผลตอบแทนต่อปีแบบสมเหตุสมผลราว 10–20% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยที่เป็นจริง มากกว่าการคาดหวังผลตอบแทนสูงเกินจริง เช่น 50% หรือ 100% ต่อปี ซึ่งอาจเป็นเพียงโชคชั่วคราว
.
รับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ : https://youtu.be/x3Mu1MtH7Nw
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @intergold
คลิกที่ลิงค์สำหรับเพิ่มเพื่อน : https://page.line.me/intergold
