
ฟองสบู่ทองคำทำงาน ทองคำลงจบหรือยัง??
.
———————————————————————————————————————–
.
ในสภาวะที่สินทรัพย์ทั่วโลกกำลังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดัชนีสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่น S&P 500 ได้ทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High) เช่นเดียวกับ Dow Jones และ NASDAQ ที่ปรับตัวขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่เช่นกัน ภาพรวมนี้สะท้อนถึงธีมของเงินที่เสื่อมค่าลง ทำให้ทุกสินทรัพย์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ยกเว้นเพียงทองคำที่ในช่วงนี้กำลังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน การวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดในปัจจุบันมุ่งเน้นการติดตามทิศทางของเม็ดเงิน และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหุ้น น้ำมัน ทองคำ หรือคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ตลาดมีความคิดเห็นและอารมณ์ร่วมกันสูงว่าการลงทุนในทองคำจะทำกำไรได้ในทุกวัน ซึ่งเป็นความรู้สึกที่อาจนำไปสู่สภาวะฟองสบู่ได้.
.
ปัจจัยทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ตัวเลขเงินเฟ้อ (Core CPI) ที่ออกมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ตลาดตีความว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) อาจสามารถลดอัตราดอกเบี้ยได้ตามเป้าหมาย (คาดว่าจะลดลงอีก 2 ครั้งในปีนี้) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ถูกคาดการณ์ว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดในสัปดาห์นี้คือ การพบกันระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนกับประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งถูกมองว่าเป็นประเด็นหลักที่ทั่วโลกจับตามอง และคาดว่าอาจมีการส่งสัญญาณเชิงบวกเกี่ยวกับการเจรจาทางการค้า ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ตอบรับข่าวดังกล่าวแล้ว โดยตลาดหุ้นจีนพุ่งขึ้น และตลาดหุ้นอเมริกาทำ All-time High สภาวะตลาดที่ตอบรับในเชิงบวกนี้ส่งผลให้เกิดความเชื่อที่ว่า ราคาทองคำน่าจะปรับตัวลงตามมา การปรับฐานของทองคำถูกมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของกลุ่มทุนใหญ่ หรือประเทศที่ต้องการสะสมทองคำ (เช่น กลุ่ม BRICS หรือ จีน) ให้ได้มากขึ้นโดยใช้เงินเท่าเดิม การที่ทองคำขาดตลาดและมีผู้ต้องการเก็บเพิ่ม การสร้างความกลัวด้วยการลดราคาทองคำในช่วงที่มีข่าวเชิงบวกระยะสั้นจึงเป็นวิธีการเพื่อให้รายย่อยทั่วโลกกลัวและเทขายทองคำออกมา.
.
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในทองคำ ผู้ที่เคยขายทำกำไรออกไปแล้วในช่วงที่ราคาเด้งขึ้นไปที่แนวต้านประมาณ 4,300 ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ ควรเตรียมพร้อมที่จะซื้อคืน ปัจจุบัน บริเวณ 4,100 ถึง 4,000 ถือเป็นโซนที่ได้เปรียบในการเข้าซื้อไม้แรก เพื่อปิดความเสี่ยงในกรณีที่ราคาไม่ลงไปอีก และควรเผื่อเงินสำรองไว้สำหรับซื้อไม้ที่สอง หากราคาทองคำตกลงไปถึงบริเวณ 3,900 ซึ่งคาดว่าหากราคาหลุด 4,000 พร้อมกับมีข่าวเชิงบวกจากการประชุมผู้นำ จะทำให้เกิดความกลัวและทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงได้อีก การเข้าซื้อในบริเวณดังกล่าวถือเป็นการหาโอกาสเก็บทองคำให้มากที่สุดในราคาที่ต่ำลง นอกจากนี้ หลักการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญคือการกระจายพอร์ตการลงทุน (Diversify) โดยผู้ลงทุนควรมีสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ทองคำ หุ้นอเมริกา และหุ้นจีน และสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ซื้อทองคำหรือ “ตกรถ” ในช่วงที่ราคาทองปรับขึ้นสูง บิตคอยน์ (Bitcoin) ถูกแนะนำเป็นสินทรัพย์ทางเลือก เนื่องจากมีพื้นฐานแนวคิดคล้ายทองคำ แต่ราคาถูกกว่ามาก และสามารถบริหารความเสี่ยงได้โดยการลดขนาดการลงทุนเมื่อเทียบกับการซื้อทองคำ
.
รับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ : https://youtu.be/QqP-EKK-Jjg
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @intergold
คลิกที่ลิงค์สำหรับเพิ่มเพื่อน : https://page.line.me/intergold
