ย้อนรอยประวัติศาสตร์
“ โรคระบาดส่งผลอย่างไรกับราคาทองคำ ”
สถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนยังคงน่าเป็นห่วง โดยล่าสุดผู้ติดเชื้อยอดเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 9,000 รายแล้ว ขณะที่ผู้เสียชีวิตก็พุ่งสูงไปถึง 213 ราย
ซึ่งแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจของโลก เศรษฐกิจของจีน และที่สำคัญเศรษฐกิจของประเทศไทยที่โดยผลกระทบเต็มๆ แล้วทำไมไทยถึงโดนผลกระทบเต็มๆหล่ะ นั่นก็เพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาภาคการบริการและการท่องเที่ยวสูงมากและนักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอยที่ประเทศไทยส่วนใหญ่ก็คือ ชาวจีนนั่นเองจึงส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทอย่างจังเลย โดยล่าสุดก็อ่อนไปกว่า 31.20 บาทแล้ว อ่อนลงมากว่า 1 บาท ภายในระยะเวลาไม่ถึงเดือน พร้อมทั้งราคาทองไทยที่พุ่งไปอยากับจรวดทางเรียบ ทั้งลงทุนก็ทั้งสามารถทำกำไรกันได้ หรือ ตกรถไปก็มี
.แต่คุณรู้หรือไม่ !!
เหตุการณ์แบบนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ครับ โลกของเราเคยเจอสภาวะแบบนี้กันมาแล้วเมื่อ 17 ปี ก่อน !!!!
.
เมื่อเดือน มี.ค.ปี 2003 โรคปริศนาที่ไม่มีผู้ใดรู้จักมาก่อนได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก
.
โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง หรือ โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome – SARS) ได้แพร่ระบาดจนมีผู้ติดเชื้อกว่า 8,000 คน และทำให้มีผู้เสียชีวิตไปเกือบ 800 คน ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ ซึ่งมีหมอรวมอยู่ด้วยนั้น มีอาการป่วยคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ก่อนที่จะลุกลามไปมีอาการปอดบวมรุนแรงภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน
.
จะเห็นได้ว่า โคโรนา และ ซาร์นั้นมีความคล้ายคลึงกันอยู่มาก ซึ่งโรคซาร์นั้นได้ถูกประกาศสิ้นสุดการระบาดของโรคซาร์เมื่อวันที่ 5 กรกฏาคม 2003 โดยคิดเป็นระยะเวลาการระบาดทั้งสิ้นคือ 7 เดือนด้วยกัน (กุมภา – กรกฎา)
.
ทีนี้เรามาลองพิจารณาดูที่ราคาทองกันนะครับว่า เมื่อย้อนกลับไปในช่วงระยะเวลาการระบาดของซาร์ ราคาทองขึ้นหรือลงรุนแรงแค่ไหน
เราจะเห็นได้ว่าหลังจากโรคซาร์เริ่มระบาดราคาทองกลับย่อตัวลงและไม่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้เลยตลอดระยะเวลาที่โรคกำลังระบาด ดังนั้นหากพิจารณาจากประวัติศาสตร์ของโรคระบาด เราอาจสรุปได้ว่าการมีโรคระบาดนั้น ไม่ได้ส่งผลให้ราคาทองขึ้นอย่างที่หลายๆคนคิดกัน
.
แล้วที่นี้เรามาลองดูกันว่าแล้วทำไมราคาทองคำไทยถึงขึ้นเยอะจัง ?
.
ก่อนอื่นสถานการณ์ปัจจุบันราคาทองที่อยู่ในรูปดอลล่าร์นั้นหลักจากมีข่าวการระบาดของโคโรนา ก็ปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อยประมาณ 2% ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงการปรับตัวแค่ 2 % นั้นก็เกิดขึ้นได้ทั่วๆไปกับราคาทอง เราจึงอาจสรุปได้ว่าราคาทองในรูป ดอลล่าร์ นั้นไม่ได้รับเอฟเฟคจากโรคระบาดเท่าไรนัก
.
แต่บังเอิญว่าการขึ้นของทองคำครั้งนี้ มันดันมีอีกตัวช่วยนึงนั้นก็คือ “ค่าเงินบาท” นั้นเอง ที่อ่อนค่าขึ้นมาพร้อมๆกันกับที่ทองขึ้นอีกประมาณ 2 % นั้นทำให้โดยรวมแล้วคนไทยจึงรู้สึกว่า ทองไทยขึ้นมาเยอะจัง ซึ่งมันขัดกับสถานการณ์ปกติที่ปกติทองขึ้นแล้วค่าเงินบาทต้องแข็ง สาเหตุที่เป็นแบบนี้นั้นก็เพราะว่า ทุกวันนี้ประเทศไทยเป็นประเทศที่พึ่งพาภาคการบริการและการท่องเที่ยวมาก อย่างที่ผมได้กล่าวไปในตอนต้น และนักท่องเที่ยวที่มาไทยเยอะที่สุดนั้นก็คือ ชาวจีนนั่นเอง การที่ประเทศจีนมีโรคระบาดแบบนี้นั้นย่อมส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทยอย่างแน่นอน นักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวไม่ได้ รายได้หดตัว ทำให้นักลงทุนมองเห็นว่าปีนี้ ประเทศไทยคงเติบโตได้ยากแน่ๆ จึงเริ่มดึงเงินกลับกันส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่านั้นเองครับ
.
ดังนั้นเราอาจสรุปได้ว่า ในปีนี้นั้นต่อให้ราคาทองคำโลกลงก็อาจจะไม่ได้ทำให้ราคาทองคำไทยลงได้แรงมากขนาดนั้นเพราะมีปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มจะอ่อนค่าช่วยหนุนอยู่นั้นเอง
.
จริงๆสุดท้ายแล้วเราอาจจะมองว่าการระบาดครั้งนี้มันคือวิกฤต ซึ่งจริงๆแล้วมันก็คือวิกฤตนั่นแหละ แต่ถ้าเรามองดีดีมันก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะให้นักลงทุนทองคำหลายๆท่านได้มีจังหวะลงดอยซะที
มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่นะครับ จริงไหม…
#ซื้อขายทองคำแท่ง#ซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์#ทองคำ
#อินเตอร์โกลด์#InterGOLD#ลงทุนทองคำแท่ง
สามารถติดตามบทวิเคราะห์ได้ที่: https://www.youtube.com/intergoldgoldtrade
สนใจลงทุนทองคำแท่งหรือติดตามข่าวสารได้ที่
Website : www.intergold.co.th
Line : @intergold
Facebook : https://www.facebook.com/IntergoldPage/
Call : 02 – 2233 – 234
