ทองคำ 57,000 ไม่ว่าจะสูง..แค่ไหนก็ไปถึง!!!
.
———————————————————————————————————————–
.
ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้นไปแตะระดับสำคัญที่ 3,800 เหรียญ แต่ไม่สามารถยืนเหนือได้และถูกเทขายกดลงมามากกว่า 50 เหรียญอย่างรวดเร็ว ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยเคลื่อนไหวขึ้นลงไม่มากนัก เนื่องจากได้รับอิทธิพลโดยตรงจากค่าเงินบาทที่ผันผวน การอ่อนค่าของเงินบาทจึงกลายเป็นโบนัสสำหรับผู้ที่ถือทองคำแท่งอยู่แล้ว เพราะช่วยเพิ่มกำไรในเชิงราคา แม้ทองโลกอาจย่อตัวก็ตาม ปัจจัยหลักที่ยังคงหนุนตลาดคือแนวโน้มธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีท่าทีจะปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่อง ซึ่งเป็นแรงผลักดันสำคัญให้ราคาทองคำมีโอกาสขยับสูงขึ้นในระยะกลางถึงยาว
.
ทิศทางราคาทองคำยังผูกพันกับนโยบายดอกเบี้ยของเฟดอย่างชัดเจน โดยทุกครั้งที่เฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ย ราคาทองมักปรับขึ้นเป็นขาขึ้น แต่หากเฟดกลับไปขึ้นดอกเบี้ย ทองก็จะถูกกดลงทันที ขณะเดียวกัน สัญญาณเงินเฟ้อและความเคลื่อนไหวของค่าเงินดอลลาร์ยังเป็นตัวชี้วัดสำคัญ นักลงทุนควรตระหนักว่าราคาที่พุ่งขึ้นแรงมักตามมาด้วยแรงขายทำกำไร ซึ่งหากมากเกินไปอาจสร้างแท่งกลับตัวในกราฟ ถือเป็นสัญญาณอันตรายต่อการเก็งกำไรระยะสั้น ด้านค่าเงินบาทคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.5–32.15 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำไทยยังคงทรงตัวในระดับที่น่าสนใจและไม่น่าตกแรง
.
นักลงทุนระยะสั้นควรใช้กลยุทธ์ “ทยอยขายทำกำไร” โดยเฉพาะเมื่อราคาปรับขึ้นแรงและเร็ว เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากแรงขายกดดันในตลาด และไม่จำเป็นต้องกังวลหากขายหมู เพราะสามารถเข้าซื้อใหม่เมื่อเกิดจังหวะย่อ ขณะที่นักลงทุนระยะยาวควรโฟกัสที่ปัจจัยพื้นฐาน เช่น นโยบายดอกเบี้ยของเฟด เงินเฟ้อ และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก พร้อมกำหนดเป้าหมายการถือครองทองคำให้ชัดเจน เช่น ถือเพื่อเกษียณอายุ หรือขายเมื่อเฟดปรับดอกเบี้ยลงถึงจุดต่ำสุด การลงทุนทองคำในระยะยาวยังถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและสร้างผลตอบแทนเฉลี่ย 5–6% ต่อปี โดยไม่ต้องวิตกกับความผันผวนระยะสั้นมากนัก และควรพิจารณาแบ่งพอร์ตลงทุนไปยังสินทรัพย์อื่นอย่างหุ้น เมื่ออัตราดอกเบี้ยเริ่มใกล้เคียงเงินเฟ้อ เนื่องจากหุ้นอาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าทองในรอบถัดไป
.
รับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ : https://youtu.be/oM9V0tTc0sQ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @intergold
คลิกที่ลิงค์สำหรับเพิ่มเพื่อน : https://page.line.me/intergold